พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534


พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔
มาตรา ๖ ห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(๑) เป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์มีจำนวนวงแชร์รวมกันมากกว่าสามวง
(๒) มีจำนวนสมาชิกวงแชร์รวมกันทุกวงมากกว่าสามสิบคน
(๓) มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
(๔) นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์นั้นได้รับประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่จะได้รับทุนกองกลาง ในการเข้าร่วมเล่นแชร์ในงวดหนึ่งงวดใดได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ให้ถือว่าผู้ที่สัญญาว่าจะใช้เงินหรือทรัพย์สินอื่นใดแทนนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ เป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ด้วย

มาตรา ๑๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประมวลกฎหมายแพ่งเเละพาณิชย์
มาตรา ๑๗๓ ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของนิติกรรมเป็นโมฆะ นิติกรรมนั้นย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น เว้นแต่จะพึงสันนิษฐานได้โดยพฤติการณ์แห่งกรณีว่า คู่กรณีเจตนาจะให้ส่วนที่ไม่เป็นโมฆะนั้นแยกออกจากส่วนที่เป็นโมฆะได้

คำพิพากษาฏีกาที่ ๑๓๖๑/๒๕๕๒ :
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๑,๒๐๐ บาท ยกฟ้องโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ ๑ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ ให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๒๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๒ ตั้งวงแชร์ ๑ วง เป็นแชร์ดอกหัก มีสมาชิกร่วมเล่นแชร์ ๒๑ คน มีหุ้น ๓๑ หุ้น หุ้นละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โจทก์เล่นแชร์ ๒ หุ้น ส่วนจำเลยที่ ๑ เล่นแชร์ ๑ หุ้น เริ่มชำระเงินค่าแชร์งวดแรกในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๙ การชำระเงินค่าแชร์งวดแรกสมาชิกต้องสั่งจ่ายเช็คฉบับละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท มอบให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้วจำเลยที่ ๒ จะสั่งจ่ายเช็คจำนวนเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สมาชิกวงแชร์ทุกคน จำเลยที่ ๒ มีสิทธิได้รับเงินประมูลงวดแรกโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยและมีหน้าที่รวบรวมเช็คจากสมาชิกวงแชร์ที่ประมูลได้ส่งให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ประมูลไม่ได้หรือที่ยังไม่ได้ประมูล สมาชิกวงแชร์สามารถนำเช็คไปเรียกเก็บเงินทุกวันที่ ๒๕ ของเดือนที่มีการประมูลในงวดที่ ๒ เป็นต้นไป สมาชิกวงแชร์ที่ประมูลได้จะต้องสั่งจ่ายเช็คจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ประมูลไม่ได้และที่ยังไม่ได้ประมูล จำเลยที่ ๒ จะสลักหลังเช็คและนำเช็คของสมาชิกวงแชร์ที่ประมูลได้ไปมอบให้แก่สมาชิกวงแชร์ที่ประมูลไม่ได้และที่ยังไม่ได้ประมูล หากเช็คเงินวงแชร์ฉบับใดถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน สมาชิกวงแชร์ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยที่ ๒ ต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้นให้แก่สมาชิกวงแชร์ผู้ทรงเช็ค หากวงแชร์ล้มหรือไม่สามารถเล่นต่อไปได้ไม่ว่ากรณีใดๆ สมาชิกวงแชร์ผู้สั่งจ่ายเช็คและจำเลยที่ ๒ จะต้องร่วมกันรับผิดจ่ายเงินค่าแชร์ตามเช็คแก่สมาชิกวงแชร์ผู้ทรงเช็คด้วย จำเลยที่ ๑ ประมูลแชร์ได้ในงวดที่ ๑๑ ประจำวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ โดยเสนอดอกเบี้ย ๒๔,๕๐๐ บาท และได้ออกเช็คชำระหนี้ค่าแชร์จำนวนเงินฉบับละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๒ ฉบับมอบให้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ได้สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวแล้วนำไปมอบให้แก่โจทก์ซึ่งยังไม่ได้ประมูล ส่วนโจทก์สั่งจ่ายเช็คค่าแชร์ซึ่งหักดอกเบี้ยออกแล้วเป็นจำนวนเงิน ๑๕๑,๕๐๐ บาท มอบให้แก่จำเลยที่ ๒ นำไปมอบให้แก่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ นำเช็คของโจทก์ไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินได้แล้ว ต่อมาวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐ วงแชร์ล้ม โจทก์ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และสมาชิกวงแชร์ตกลงกันให้โจทก์นำเช็คที่ยึดถือไว้ ๒ ฉบับ ไปเรียกเก็บเงิน ซึ่งสามารถเรียกเก็บเงินได้ ๑ ฉบับ แต่อีก ๑ ฉบับ ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ โดยธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑ โดยให้เหตุผลว่า มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงิน
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๑ ในข้อแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ หรือไม่ จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่า พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๖ (๓) บัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ที่มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่า ๓๐๐,๐๐๐ บาท และมาตรา ๗ บัญญัติว่า บทบัญญัติในมาตรา ๖ไม่กระทบกระเทือนถึงการที่สมาชิกวงแชร์จะฟ้องคดีหรือใช้สิทธิเรียกร้องเอากับนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เท่านั้น หาได้ให้สิทธิแก่สมาชิกวงแชร์ที่จะเรียกร้องระหว่างกันเองไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔ เป็นบทบัญญัติที่มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชนและเพื่อมิให้มีการประกอบธุรกิจการเล่นแชร์ที่กระทบต่อการระดมเงินออมของสถาบันการเงินที่ทางราชการสนับสนุนและรับผิดชอบซึ่งส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจโดยส่วนรวม แต่การเล่นแชร์ของประชาชนโดยทั่วไปที่มิได้ดำเนินการเป็นธุรกิจยังให้กระทำต่อไปได้ ดังนั้น มาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงบัญญัติห้ามมิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเช่นแชร์ที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดใน ๔ ประการ เช่น ตามมาตรา ๖ (๓) มีทุนกองกลางต่อหนึ่งงวดรวมกันทุกวงเป็นมูลค่ามากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งกฎกระทรวง (พ.ศ.๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔ กำหนดวงเงินไว้ ๓๐๐,๐๐๐ บาท และมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติเอาความผิดแก่นายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์ที่ฝ่าฝืนมาตรา ๖ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าประสงค์จะเอาความผิดเฉพาะผู้เป็นนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เท่านั้น ดังนั้น นิติกรรมการเล่นแชร์ของนายวงแชร์หรือผู้จัดให้มีการเล่นแชร์เท่านั้นที่ตกเป็นโมฆะ แต่นิติกรรมการเล่นแชร์ของโจทก์และจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นสมาชิกวงแชร์ไม่ตกเป็นโมฆะไปด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓ สิทธิหรือหน้าที่ของสมาชิกวงแชร์มีความผูกพันตามกฎหมายอยู่อย่างไรความผูกพันย่อมมีอยู่เช่นนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 ประมูลแชร์ได้และสั่งจ่ายเช็คเงินค่าแชร์มอบให้แก่จำเลยที่ ๒ เพื่อนำไปมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกวงแชร์ที่ยังไม่ได้ประมูล เพื่อให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน เนื่องจากจำเลยที่ ๑ มีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงินถือว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงต้องรับผิดชำระเงินค่าแชร์แก่โจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้ว ศาลฎีกาไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีก ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าการเล่นแชร์เป็นสัญญาประเภทหนึ่งซึ่งเกิดจากการตกลงกันระหว่างผู้เล่น สามารถบังคับกันได้ตามกฎหมาย แต่อายุความเกี่ยวกับการฟ้องเรียกเงินค่าแชร์ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงมีกำหนด ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ ข้อเท็จจริงได้ความว่า วงแชร์ล้มเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐ จำเลยที่ ๑ ตกลงให้โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเช็คดังกล่าวถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันเดียวกัน โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ได้นับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป เมื่อนับถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๖ ซึ่งเป็นวันฟ้องยังไม่พ้นกำหนด ๑๐ ปี คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๑๗
พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๖
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๓
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐

สำหรับท่านที่ต้องการที่ปรึกษาทางกฎหมาย หาทนายความ ต้องการความช้วยเหลือด้านกฎหมายต่างๆ หรือต้องการข้อมูลเพิมเติมว่าเราจะช่วยเหลือท่านได้อย่างไรบ้าง กรุณาติดต่อเรา เรามีทีมทนายความมากประสบการณ์พร้อมให้คำปรึกษา และรับว่าความแก้ไขปัญหาให้กับทุกท่านได้อย่างแน่นอน

โทรด่วน